รีวิว: หูฟัง Urbanears รุ่น Zinken

หูฟังที่เราจะพูดถึงในวันนี้คือรุ่น Zinken ของยี่ห้อ Urbanears ซึ่งเป็นบริษัทที่พัฒนาหูฟังติดตลาดมาหลายรุ่น และแต่รุ่นนี้มีความพิเศษกว่ารุ่นอื่นๆ เพราะบริษัทผู้ผลิตเองมีเป้าหมายที่จะทำหูฟังที่มีดีไซน์ทันสมัยแต่ก็ยังคงต้องรักษาคุณภาพวัสดุระดับ Premium ของหูฟัง Urbanears ไว้ด้วย

Urbanears จึงได้จ้างดีไซน์เนอร์จากประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ออกแบบสินค้าระดับโลกโดยบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Ikea ก็เคยใช้บริการจากที่นี่มาแล้ว

ซึ่งก็ทำให้หูฟังรุ่นนี้มี Features ที่น่าสนใจที่ยังไม่พบในหูฟังแบรนด์อื่นๆ อาทิเช่น สายหูฟังที่ดีไซน์ให้มีหัวต่อกับสายเคเบิลสองขนาด ทำให้สามารถเอาไปเสียบใช้งานกับโทรศัพท์มือถือหรือเครื่องเล่น mp3 ทั่วๆไป หรืออีกด้านก็จะสามารถนำไปเสียบกับพวก Mixer ที่ใช้ในการทำเพลงหรือเป็นดีเจได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งทาง Urbanears ได้เก็บรายละเอียดการใช้งานต่างๆ เหล่านี้ไว้อย่างครบครัน

LOOK & FUNCTIONAL

บอกได้เลยว่าคุณภาพในการออกแบบหูฟังรุ่นนี้นั้น สมแล้วที่มาจากประเทศซึ่งเป็นผู้นำการออกแบบของโลก การออกแบบนั้นผ่านการคิดมาเป็นอย่างดีด้วยรูปแบบที่เรียบง่ายแบบ Minimalist แต่ก็แฝงไปด้วยสีสัน ทำให้รู้สึกสนุกสดชื่นทุกครั้งที่จะหยิบเจ้าหูฟังตัวนี้มาใช้งาน ซึ่งอยากตะโกนบอกท่านที่ชื่นชอบหูฟังยี่ห้อ Beats ดังๆ ว่า “อย่ามองข้ามรุ่นนี้ไปเชียว” พอมองแวบแรกอาจจะดูว่าหูฟังรุ่นนี้เหมือน Beats หรือพยายามลอกเลียนแบบมาจาก Beats แต่ถ้าดูกันที่รายละเอียดจริงๆแล้ว หูฟังรุ่นนี้มี Features หลายๆอย่างที่หูฟังจากค่าย Beats ไม่มี อาทิเช่นระบบสายเคเบิลที่มีช่องต่อ 2 ขนาด สามารถต่อได้ทั้งสายขนาด 3.5mm และ 6.3mm โดยทางผู้ผลิตได้ให้สายเคเบิลที่มีหัวต่อแบบสองขนาดมาเรียบร้อยแล้ว

เมื่อเราต่อหัวต่อขนาด 6.3mm เข้ากับหูฟังก็สามารถใช้หัวต่อขนาด 3.5mm อีกด้านหนึ่งต่อเข้ากับโทรศัพท์มือถือหรือเครื่องเล่น mp3 ทั่วๆไปได้ และถ้าเพื่อนๆคนไหนเป็นนักดนตรี ก็สามารถเอาหัวต่อขนาด 3.5mm ต่อเข้ากับตัวหูฟังและเอาหัวต่อขนาด 6.3mm ต่อเข้ากับ Mixer หรือ Output ของแอมป์ได้เลยทันทีอีกด้วย ซึ่งถือเป็นลักษณะเด่นที่คิดไม่ถึง และทำให้เจ้าหูฟังตัวนี้มีความอเนกประสงค์มากกว่าหูฟังทั่วไปจริงๆ

SHARE YOUR MUSIC

เพื่อนๆเคยเจอปัญหาเวลาที่เราอยากฟังเพลงของเพื่อน ในขณะที่เขากำลังฟังเพลงของเขาอยู่บ้างรึเปล่า ผมคนหนึ่งละที่เคย เมื่อก่อนเราก็แอบถอดหูฟังด้านหนึ่งของเพื่อนมาฟังแบ่งกันคนละข้าง แต่ถ้าเพื่อนเราใช้หูฟังแบบครอบหูก็คงไม่สามารถฟังพร้อมกันได้ แต่ด้วยการออกแบบหัวต่อสองขนาดของ Urbanears ทำให้เพื่อนๆสามารถเสียบหูฟังต่อกับเพื่อนเพื่อฟังเพลง หรือดูหนังร่วมกับเพื่อนที่ใช้หูฟังรุ่นนี้ได้อีกด้วย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งฟังก์ชั่นการใช้งานที่ผมเห็นแล้วก็แอบคิดว่าทำไมไม่มีใครทำมาตั้งนานแล้วนะ

และจากการทดลองฟังหูฟังโดยเสียบต่อกันสองอันพบว่า เสียงที่ได้ก็ยังมีคุณภาพที่ดีอยู่ แต่แน่นอนผมว่าถ้าต่อกันเยอะๆ คุณภาพเสียงคงจะต้องตกไปเพราะเครื่องเล่นเพลงส่วนใหญ่ที่เป็นพวกโทรศัพท์มือถือหรือเครื่องเล่น mp3 คงไม่มีกำลังขับที่มากพอ แต่โดยรวมก็ถือเป็นลูกเล่นที่สนุกเวลาอยู่กับเพื่อนหรืออาจจะแชร์ฟังเพลงกับคนรู้ใจเวลาไปเที่ยวก็โรแมนติกดีครับ

THE CABLE

ไม่เพียงแต่ตัวหูฟังที่ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดีเท่านั้น สายเคเบิลสำหรับหูฟังรุ่นนี้ยังถูกออกแบบมาให้เหมาะสมในการใช้งานจริง โดยได้ออกแบบมาให้เป็นสายเกลียวแบบยืดหยุ่นได้ เพื่อเพิ่มความยาวของสายในขณะใช้งานจริงโดยไม่ทำให้รู้สึกเกะกะ ตอนที่ทดลองใช้จริงพบว่าสายแบบนี้ใช้งานได้ดีโดยไม่ต้องกังวลว่ามันจะยาวจนไปพันรอบตัวอีกต่อไป ซึ่งทาง Urbanears ได้ระบุว่าสายเคเบิลนี้ทำจาก Kevlar ซึ่งเป็นวัสดุที่มีความแข็งแรงสูงมาก โดยส่วนใหญ่ถูกเอาไปใช้ทำอุปกรณ์ที่ต้องการความแข็งแรงมาก เช่นเสื้อกันกระสุน ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าสายของหูฟังรุ่นนี้จะมีความแข็งแรงทนทานอย่างแน่นอน ซึ่งจากการได้จับและทดลองใช้งานจริง ต้องบอกเลยว่าเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง สายมีความแข็งแรงกว่าหูฟังแบรนด์อื่นๆอยู่พอสมควรเลย นอกจากนี้สายเคเบิลที่ขดเป็นเกลียวนี้ หากยืดออกมาจะมีความยาวถึง 1.2 m ซึ่งหากใครที่เป็นดีเจ นักดนตรี หรือต้องการจะแชร์เพลงฟังกับเพื่อน ก็จะไม่มีปัญหากับความยาวของสายเคเบิลแน่นอน  อีกส่วนหนึ่งที่อยู่ที่สายเคเบิลด้วยคือ Microphone ซึ่งออกแบบมาให้ตอบโจทย์การใช้งาน เพราะว่าอุปกรณ์เล่นเพลงส่วนใหญ่ในสมัยนี้นั้นจะเป็นโทรศัพท์มือถือ ดังนั้นเราสามารถรับสายโดยคุยผ่านเจ้าหูฟังตัวนี้ได้เลย และยังมี Remote ที่ใช้กดรับสาย หรือใช้เป็นตัวควบคุมการเปิดปิดเพลงก็ได้ แต่ไม่มีฟังก์ชั่นในการปรับเสียง ซึ่งจากการทดสอบพบว่าใช้งานกับ iPhone ได้ไม่มีปัญหา

[TS-VCSC-Spacer height=”65″]

BUILD QUALITY

เมื่อได้สัมผัสหูฟังรุ่นนี้ต้องบอกได้เลยว่ารู้สึกได้ถึงการผลิตมาอย่างดี ตัวหูฟังแข็งแรงทนทานไม่มีเสียงเอี๊ยดอ๊าดเมื่อใช้งาน ตัวบานพับที่เป็นโลหะเชื่อมต่อลงตัวกับโครงหูฟังที่เป็นพลาสติกเป็นอย่างดี และอย่างที่ได้บรรยายสรรพคุณของสายที่มีหัวต่อสองขนาดไปแล้วนั้น ตัวสายก็เชื่อมต่อเข้ากับหูฟังเป็นอย่างดี​ ซึ่งด้วยการดีไซน์สายในลักษณะนี้ทำให้เราไม่จำเป็นต้องพกตัวแปลง และที่สำคัญไม่ต้องกลัวทำตัวแปลงหาย! อีกด้วย ซึ่งตัวแปลงนี้ยกตัวอย่างถ้าเป็นของ Sennheiser บางตัวก็จะมีราคาอยู่ที่เกือบพันบาททีเดียว และจากการลองเล่นมาซักพักพบว่าวัสดุที่ทำเหมาะกับอากาศร้อนในบ้านเรามากเลย เนื่องจากสามารถกันร้อนกันเหงื่อได้ ถ้าเลอะก็สามารถทำความสะอาดได้ง่ายทำให้ดูใหม่ไม่เก่าใช้งานได้ยาวๆ

SOUND QUALITY

เรื่องที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดของหูฟังดีๆคงจะหนีไม่พ้นเรื่องเสียง ซึ่งโดยรวมแล้วเสียงของหูฟังรุ่นนี้มีเสียงที่น่าฟัง เสียงกลางค่อนข้างชัดเจนระดับเสียงไม่สั่น มีเสียงแหลมที่กำลังดี และมีเสียงเบสที่สมน้ำสมเนื้อ ซึ่งถ้าเพื่อนๆ เป็นนักดนตรีหรืองานดีเจ Mix เสียง ก็ถือเป็นหูฟังที่ดีมากๆ อันหนึ่งเลยทีเดียว แต่ถ้าใครเป็นสาวกเพลงแนว Heavy Metal เสียงเบสอาจจะเบาไปหน่อย แต่สำหรับการฟังเพลงแนว Accoustic หรือแนว Easy Listening ชิวๆ แล้ว ถือว่าทำได้ดีมากเลยทีเดียว

เรามาพูดกันถึงเรื่องความดังของเสียงกันบ้าง หูฟัง Zinken นั้นไม่ได้เป็นหูฟังที่ดังมากที่สุดเท่าที่เคยฟังมา แต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี ซึ่งถ้าเพื่อนๆใช้งานกับแอมป์หรือ Mixer ที่มีกำลังขับเสียงในตัวก็สามารถเร่งขึ้นได้โดยที่เสียงที่ได้ยังคงออกมาในคุณภาพที่ดี หูฟังรุ่นนี้ยังสามารถป้องกันสัญญาณรบกวนรอบๆตัวได้ เมื่อสวมใส่แล้วก็จะรู้สึกว่ารอบๆตัวเงียบขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งอันนี้เป็นข้อดีที่ช่วยให้เสียงเพลงชัดเจนยิ่งขึ้นในระดับความดังที่เท่าๆกับหูฟังรุ่นอื่นๆ ที่ไม่มีระบบป้องกันสัญญาณรบกวน ซึ่งหลังจากทดลองใช้มาระยะหนึ่งได้ข้อสรุปว่าเป็นหูฟังที่ให้เสียงสบาย ฟังแล้วไม่เมื่อยหู ซึ่งสเปคของ Audio ตามเว็ปผู้ผลิตมีรายละเอียดดังนี้

• 40mm Handmade Drivers
• Frequency Response 20Hz-20kHz
• Impedance 85Ω
• Sensitivity 98dB
• Max Input Power 50mW

[TS-VCSC-Spacer height=”21″]

COMFORT

ผมเป็นคนหนึ่งที่คำนึงถึงความสบายในการสวมใส่หูฟังเป็นอย่างมาก การนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวัน ถ้าหูฟังน้ันสวมใส่ไม่สบายต่อให้เสียงดียังไงก็คงใช้งานในชีวิตประจำวันได้ไม่คุ้มค่า หลังจากการทดสอบเรื่องนี้โดยการใส่ฟังเพลงเองในออฟฟิศก็พบว่าสวมใส่สบายได้ทั้งวัน หูฟังสามารถปรับระดับของก้านตามขนาดของศีรษะได้อย่างลงตัว แต่เนื่องจากผมทดสอบในออฟฟิศทั้งวันจึงยังไม่รู้ว่าถ้าใส่ข้างนอกแดดร้อนๆจะเป็นอย่างไร โชคดีที่มีโอกาสได้ไปถ่ายโฆษณากับน้องมายพรีเซ็นเตอร์คนสวยของเรามาด้วย โดยการถ่ายทำนั้นใช้เวลาเกือบหนึ่งวันเต็มๆ ตั้งแต่เช้าถึงเย็น ผมเลยถือโอกาสถามน้องมายว่าเป็นยังไงบ้างใส่สบายไหม ก็ได้รับคำตอบว่าใส่สบายแม้ว่ามีเหงือออกก็ไม่ซับเหงื่อทำให้ใส่นานๆแล้วไม่รำคาญ ซึ่งถือว่าโดยรวมเรื่องการสวมใสสบายผมให้ผ่านครับ โดยเฉพาะการป้องกันเสียงเวลาใส่ทำงานในออฟฟิศ สามารถโฟกัสงานได้นานขึ้นเพราะเงียบและไม่ต้องได้ยินเสียงรบกวนรอบข้าง ตัวฟองน้ำที่บุหูฟังไว้นั้นมีความนิ่มมากและพอดีกับหูจึงทำให้ใส่สบายและไม่เจ็บหู โดยวัสดุที่หุ้มนั้นทำจากหนังเทียม แต่ว่าก็ยังคงให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลเวลาใส่ ซึ่งเป็นวัสดุชนิดเดียวกับที่หุ้มบริเวณก้านหูฟังด้านบนซึ่งทำให้นุ่มนวลเวลาใส่ไม่ต่างกัน

CONCLUSION

จากการทดสอบในเวลาช่วงเวลาสั้นๆ ก็พบว่าในการทำงานของฟังก์ชั่นการใช้งานสำคัญๆนั้น หูฟังรุ่น Zinken ตอบโจทย์ได้แทบจะทุกข้อ ด้วยทีมออกแบบมืออาชีพของฝั่งยุโรปทำให้หูฟังนี้มีกลิ่นอายของผลิตภัทธ์ที่มาจากประเทศสแกนดิเนเวี่ยนอีกด้วย นอกจากนั้นการออกแบบแนว Minimalist ที่มีสีสันที่สามารถเลือกได้ถึง 10 สี ทำให้เหมาะกับทุกเพศทุกวัยตามความชอบของแต่ละคน ผมพยายามจ้องจับผิดในส่วนเล็กๆน้อยๆอย่างเช่น เรื่องเสียงที่อาจจะมีเบสที่ไม่ดังกระหึ่ม (ซึ่งอันนี้น้องๆในออฟฟิตบางคนก็บอกว่ามันดังมากนะพี่ ดังนั้นผมว่ามันเป็นเรื่องที่แล้วแต่ลักษณะการฟังของแต่ละบุคคลมากๆ) หรือเรื่องรีโมตที่ไม่สามารถปรับเสียงได้ แต่มันก็เป็นเรื่องเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับความสามารถและคุณภาพที่ได้จากเจ้าหูฟัง Urbanears รุ่น Zinken นี้